https://inergetixforum.com/wp-content/uploads/Thai-flower-bowl-300x224.jpg 300w" sizes="(max-width: 604px) 100vw, 604px" />
Dr Allen Joseph
talks how he is seeing the strenght of Asia to create new standards of medicine
—————————————————————————————————————————————-
In Thai – Language :
Dr.Kompon introduce Prof. Dr.Vichit Punyahotra M.D., Ph.D.
and he talks about life energy (chi ,Prana).If human body has full energy (80 minlivolt) it can make body chemistry and all body’s system move on very well and then our immune system will work well,too..But if the pollution environment and stress effect us it will put out life immune system down make us sick Example – if energy from 80 mv goes down to 20 mv. most of them get cancer.(That make ph level in blood become acid)
How are we going to have energy? Normaly in medical school they said Food gives energy; After we eat food it goes to digestion and changes to mitrochondria whic have ATP that’s is energy.And in the process to make energy we will have toxin from burning food to make energy.Now medical school tell us to eat good to make less toxin to our body(This is from western idea) .But from eastern medicine;They said food is just one of energy to body.We also can have clean energy from air, sun .Thats energy we won’t have toxin from them Because they are clean energy.That is call bio-energy;And Bio-energy can control by our mind(Mind control).When we have good mind and good heart we can add good energy back to body.
In the western idea ;They think when one cell dies they will have new cell re-placement. But if in some case they don’t have new cell f because cell have no energy.That will make the body weak and look older. (Aging)Then in eastern medicine it is said if you don’t want to get old you much alway add energy to body.Add clean energy.Example. meditation.In the future we can use energy add it to our cell by our self without having to wait for doctor or drug or hospital.This is way of the future of medicine system.
Energy medicine is medicine of the furture.In detail Dr.Kiran Scmidt will give more information .Thank you.
Noy
ในนามของชมรมพลังงานบำบัดแห่งประเทศไทย ก่อนที่จะมีการบรรยายภาคภาษาอังกฤษโดย ดร.คีราน สมิสธ์ ศ.นพ.ดร.วิจิตร บุณยะโหตระ
ท่านศาสตราจารณ์ นพ.ดร.พิจิตร บุณยะโหตระ
ได้ใหเกียรติให้ความรู้เกี่ยวกับพลังงานบำบัด โดยมีเนื้อหาดังนี้
ก่อนอื่อนอยากจะให้ทราบถึงความสำคัญของพลังงานบำบัด
เซลล์ในร่างกายของเราดำเนินได้โดยพลังงานชีวิต ที่ทางจีน เรียกว่า ฉี หรือทาง อินเดียเรียก ปรารน ถ้าร่างกายของคนเรามีพลังงานเต็ม ซึ่งพลังงานในร่างกายของคนเรานี้สามารถวัดได้ (พลังงานเต็ม อยู่ที่ประมาณ 80 มิลิโวล์ล)ตราบใดที่พลังงานเติม เซลล์จะขับเคลื่อนได้ดี การผลิตฮอร์โมน เอนไซม์ ปฏิกริยาเคมีจะดำเนินได้ดี ภูมิต้านทานในร่างกายเราก็จะสูง
แต่ปัจจัยจากมลภาวะต่างๆ ความเครียด หรือ อาหารการกิน จะทำให้พลังงานในร่างกายลดลง เช่น หากว่า เซลล์พลังงานลดลง จาก 80 มิลลิโวลล์ ลงมาถึง 20 มิลลิโวลล์ จะเกิดมะเร็ง รายละเอียด เมื่อเซลล์พลังงานลดลง จาก 80 มิลลิโวลล์ ลงมาถึง 20 มิลลิโวลล์ เช่น น้าในเซลล์จะเปลี่ยนจากด่าง เป็นกรด เป็นต้น หัวใจสำคัญคือ เราจะทำอย่างไรให้พลังงานเต็มอยู่เสมอ ศาสตร์ทางแพทย์ตะวันตกหรือทางโรงเรียนสอนแพทย์แผนปัจจุบันของเราได้ บอกเอาไว้ว่า ร่างกายของคนเราได้พลังงานจากอาหาร และอ๊อกซิเจน เผาผลานในไมโตรคอนเดรีย ไมโตรคอนเดรียคือโรงงานไฟฟ้าในเซลล์ ทำให้ได้ ATP ไปเป็นพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน ปัญหาก็คือ เมื่อเรากินอาหารเข้าไปเกิดการเผาไหม้ มันก็จะเกิดขี้เถ้า ในไมโตรคอนเดรียก็จะเกิดขี้เถ้า ขี้เถ้าในที่นี้ก็คือ ฟรีเรดิคอล(อนุมูลอิสระ)
ถ้าเรากินมาก กินอาหารที่ปรุงแต่ง อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขี้เถ้าก็จะเกิดมาก ถ้าขี้เถ้าเกิดมากเซลล์ก็จะกำจัดไม่ทัน เหมือนกับกรุงเทพ ถ้ามีขยะเยอะๆก็มีมลภาวะเป็นพิษ ในเซลล์ เซลล์ก็จะตาย สิ่งนี้ก็เป็นสาเหตุของโรค
ในโรงเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน ที่เราได้เรียนจากโรงเรียนแพทย์ได้สอนให้เรากินแต่ของมีประโยชน์ กินแต่น้อยๆ กินอาหารแคลอรี่ต่ำ เพื่อจะได้ไม่มีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น เพื่อจะให้มีขี้เถ้าเกิดขึ้นน้อย เซลล์สามารถกำจัดได้หมด ได้ทัน นี่เป็นหลักการของแพทย์ทางตะวันตก ด้านศาสตร์การแพทย์ตะวันออกเชื่อว่าอาหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนใหญ่พลังงานนั้นได้จากธรรมชาติ เราเรียกว่า ‘ไบโอเอนเนจี ’โดยดึงจากธรรมชาติเข้ามา จาก แสงแดด จากธรรมชาติมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน พูดง่ายๆว่าเซลล์ของเรานั้นเป็นเหมือนโซล่าเซลล์ เป็นเซลล์ที่ผลิตไฟฟ้าเป็นโซล่าเอนเนอจี เรามักรู้จักกันว่าโซล่าเป็นคลินเอเนอจี้ (พลังงานสะอาด)จึงไม่มีขี้เถ้า เราสามารถเติมเต็ม ถ้าเราปฏิบัติตัวให้ถูกต้องเราสามารถดึงเอา ไบโอเอนเนอจีมาเติมเต็มได้อยู่ตลอด ข้อสำคัญ ไบโอเอนเนอจี้สามารถควบคุมได้ด้วยจิต ที่เรียกว่า ‘มายคอนโทร’เราสามารถจะควบคุมจิตให้ดึงพลังงานมาเติมเต็มให้เซลล์อยู่ตลอด ดังนั้นตราบใดที่เรามีพลังจิตดี เรามีพลังกายพลังใจที่สมบูรณ์ คือมีองค์รวม เราก็สามารถเติมเต็มพลังงานให้เซลล์ได้ตลอดเวลา เราก็จะไม่เป็นโรค ตัวอย่างเช่นหลักการของแพทย์ทางตะวันตกหรือทางแพทย์ทั่วไป พูดว่าเซลล์ของเราก่อนตายมักจะแบ่งตัวออกลูก ก่อนที่จะแก่มันจะแบ่งตัวเสียก่อน เหมือนคนหนุ่มสาวก่อนที่จะแก่ตาย ก็มีลูกเสียก่อน เมื่อมีคนมาแทนแล้วตัวเองก็ตาย แต่ว่ามีเซลล์บางเซลล์ที่ไม่มีพลังจะแบ่งตัว เพราะขาดพลังชีวิต ก็ไม่มีพลังในการแบ่งตัวเกิดการฝ่อตัว เรียกว่าเซลล์แก่ เซลล์แก่นี้จะตายแล้วตายเลย ดังนั้นมันจะเกิดการเสื่อมลงทุกวันๆ เซลล์เก่าตายไปเซลล์ใหม่ไม่เกิด ร่างกายก็จะเสื่อมเร็วแก่เร็ว หลักการของแพทย์ทางตะวันออกกล่าวว่า วิธีที่จะไม่ให้แก่ก็คือเติมเต็มพลังงานให้เซลล์อยู่เสมอ ในการเติมเต็มมันมีเทคนิค ปรัชญาของแพทย์ทางตะวันออกมีการใช้พลังจิตในการเติมเต็มให้กับเซลล์ได้เอง เช่น สมาธิ เป็นต้น เรื่องนี้เป็นหลักการใหม่ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ของใหม่ เป็นของเก่านานมาแล้ว แต่ว่าเราพึ่งจะมาฟื้นฟู เอาวิทยาศาสตร์เข้ามาเสริม ดังนั้นในอนาคตเราสามารถจะใช้พลังงานเติมเต็มให้กับเซลล์ของเราได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งหมอหรือยา เป็นยุคใหม่ของสาธารณสุข เราจะไม่เป็นโรค หรือเป็นก็จะสามารถบำบัดรักษาได้ด้วยตนเอง เอนเนอจีเมดดิซีน (พลังงานบำบัด) ถือได้ว่าเป็น เมดดิซิน ออฟ ฟิวเจอร์ (เวชศาสตร์ของอนาคต)
—————————————————————————————————————————————————
Kiran introduces the Bangkok Seminar with a talk about :
AMERICAN STANDARD – Toilets – YOUR STYLE – your way of life ? Supplements all cupboards are full of them – one third of income goes to medical insurance – creating the sickest and fattest nation of the world – a nation of depressed people – YOU CAN DO IT YOURSELF – do it alone – the dogma of the American religion – What people are starving from in the USA is the number one supplement that is “a feeling of connectedness” – giving new values to medicine in new places – in Asia and Brazil